พระวิษณุกรรม ขนาดครอบ

พระวิษณุกรรม ขนาดครอบ
พระวิษณุกรรม ขนาดครอบพระวิษณุกรรม ขนาดครอบพระวิษณุกรรม ขนาดครอบพระวิษณุกรรม ขนาดครอบพระวิษณุกรรม ขนาดครอบพระวิษณุกรรม ขนาดครอบพระวิษณุกรรม ขนาดครอบ
หมวดหมู่ เศียรครู เศียรเทพ ใช้ในงานพิธี ขนาดครอบ
ราคา 2,800.00 บาท
ค่าส่ง 300
สถานะสินค้า พร้อมส่ง
ลงสินค้า 21 ก.พ. 2564
อัพเดทล่าสุด 26 ก.พ. 2564
จำนวน
ชิ้น
หยิบลงตะกร้า
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay
เนื่องจากสินค้าเป็นงานฝีมือ รูปตัวอย่างที่แสดงและสินค้าจริงที่พร้อมส่งอาจจะมีความแตกต่างในรายละเอียดบ้างเล็กน้อย เช่นสีสัน ลวดลาย การปั้นหน้า อาจจะมีความแตกต่างกันบ้างเพราะเราทำด้วยมือทุกขั้นตอน แต่ผลงานทุกชิ้น
ช่างบรรจงทำด้วยความละเอียดทุกชิ้นงาน
เทพแห่งวิศวกรรม คือ "พระวิศวกรรม" ที่คนไทยเรานิยมเรียกสั้น ๆ ว่า"พระวิศวกรรม" หรือเรียกตามความคุ้นเคย (ซึ่งพ้องกับชื่อของพระวิษณุ) ว่า "พระวิษณุกรรม" หรืออีกหลายชื่อเช่น “ พระพิษณุกรรม” “พระเวสุกรรม” “พระวิศวกรรมา” “ พระวิศวกรมัน” "พระเพชฉลูกรรม" "ท้าววิสสุกรรม" "ท้าวเวสสุกรรม" หรือ “ตวัสฤ”
ชื่อที่ถูกต้องตามภาษาสันสกฤตคือ Vishwakarman หรือ Vishnukarman หรือ Bishnukarm ส่วนคำว่า เพชรฉหลูกรรมนั้น มาจากบทสวดที่ใช้ในพิธีพราหมณ์ เช่นในพระคาถาประจุน้ำมนต์ธรณีสาร ที่มีคำว่า “....... เพชรฉหลูกันเจวะ สัพพะกัมมะ ประสทธิเม .... “ ดังนั้น กลุ่มผู้บูชาที่เน้นพิธีกรรม เช่น เน้นทางพิธีพราหมณ์ต่าง ๆ หรือการไหว้ครูในทางดุริยศิลป์จึงมักเรียกท่านว่า พระเพชรฉลูกรรม หรืออาจเรียกท่านว่า พระฤาษีเพชรฉลูกรรม ส่วนตวัสฤนั้น คาดว่าคงจะมาจาก Tvasti ซึ่งมาจากภาษาสันสฤต และมักจะมีความหมายถึงพระวิษณุกรรมเช่นกัน บทสวดที่มาจากภาษาฮินดูโบราณที่เสียงคล้ายกับบทสวดในคัมภีร์ฤคเวท บทสวดที่เป็นภาษาฮินดูโบราณนี้มักใช้มากในประเทศเขมร เพราะราวช่วงที่เขมรรุ่งเรืองในยุคของนครวัด หรือประมาณ คริสตศักราช ๑๑๐๗ –๑๑๗๗ (ประมาณ พศ ๑๖๐๐) นั้น มีการบูชาพระวิษณุกรรมอย่างกว้างขวางเพราะเขมรสมัยนั้นได้รับอิทธิพลจาก ฮินดูค่อนข้างมากทำให้การบูชาพระวิษณุกรรมในไทยได้รับอิทธิพลมาจากเขมรบ้างในบางพิธี ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็ยังมีบางสถาบันที่ยังใช้บทสวดที่เป็นภาษานี้อยู่ เช่น บทสวดที่ขึ้นว่า “....โอม สะศาง ขะจักรัม สะกิริฎะกุณตะลัม สิปตะวัสตรัม....”
การที่คนไทยเราเรียกพระวิศวกรรมา ว่า "พระวิษณุกรรม" และในที่สุดก็กร่อนลงเหลือเพียง'พระวิษณุ' ซึ่งเป็นชื่อของเทพที่คนไทยเรารู้จักมักคุ้นกันมากกว่า ดังที่ได้กล่าวแล้วข้างต้นนี่เอง ทำให้หลายคนเข้าใจว่าพระวิษณุเป็นเทพแห่งวิศวฯ ซึ่งเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน สำหรับเทพแห่งวิศวฯ ตัวจริง คือ พระวิศวกรรมา หรือพระวิษณุกรรม นั้น ท่านเป็นทั้งสถาปนิกและวิศวกรที่มีความชำนาญงานช่างทุกแขนง
ในตำนานพุทธศาสนาเล่าว่า ท่านเป็นผู้สร้างอาศรมให้แก่พระโพธิสัตว์หลายพระองค์ (ก่อนที่จะอุบัติเป็นพระพุทธเจ้า) เป็นผู้สร้างบันไดเงิน บันไดทอง บันไดแก้ว ทอดจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ลงมายังโลกมนุษย์ที่เมืองสังกัสสนคร ซึ่งเป็นเส้นทางที่พระพุทธเจ้าใช้เสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ (หลังจากเสด็จขึ้นไปโปรดพุทธมารดาบนสวรรค์ในช่วงเข้าพรรษา) นอกจากจะเป็นสถาปนิกและเป็นวิศวกรด้านโยธาและสำรวจ ดังจะเห็นได้จากผลงาน ๒ ประการที่ว่านี้แล้ว พระวิศวกรรมายังเป็นวิศวกรเครื่องกลอีกด้วย กล่าวคือ ท่านเป็นผู้สร้างวาฬสังฆาตยนต์ ซึ่งเป็นกงล้อหมุนรอบองค์พระสถูป ปกปักรักษาป้องกันมิให้บุคคลเข้าใกล้พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า เมื่อครั้งที่พระเจ้าอชาตศัตรูได้รับส่วนแบ่งพระบรมสารีริกธาตุหลังพุทธปรินิพพานและอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ในองค์พระสถูปที่ว่านี้[๑]
ส่วนตามตำนานฮินดู พระวิศวกรรมาก็มีผลงานเด่นๆ สรรค์สร้างไว้มากมาย เช่น ครั้งหนึ่ง ธิดานางหนึ่งของท่าน ชื่อว่านางสัญชญา เป็นชายาของพระอาทิตย์ บ่นให้พระวิศวกรรมาผู้เป็นพ่อฟังว่า พระอาทิตย์สามีของตนนั้นช่าง "ร้อนแรง" เหลือเกิน เข้าใกล้ไม่ค่อยได้ พระวิศวกรรมาสงสารลูกสาว จึงช่วยเหลือ โดยไปขูดผิวพระอาทิตย์ออกเสียบางส่วน ทำให้ความร้อนแรงนั้นทุเลาลงไปบ้าง และผิวพระอาทิตย์อันมีรัศมีเจิดจ้าที่ขูดออกมาได้นั้น พระวิศวกรรมาได้นำไปรังสรรค์-ปั้น-แต่ง แล้วถวายให้เป็นอาวุธทรงอานุภาพและมีประกายแวววาวแก่เทพองค์สำคัญของสวรรค์ชั้นฟ้า ได้แก่ อาวุธ "ตรีศูล" (สามง่าม) ของพระอิศวร "จักราวุธ" (กงจักร) ของพระนารายณ์ "วชิราวุธ" (สายฟ้า)[๒] ของพระอินทร์ "คทาวุธ" (กระบอง) ของท้าวกุเวร และ "โตมราวุธ" (หอก) ของพระขันทกุมาร เป็นต้น[๓]
ผลงานอื่นๆ ของท่านที่สำคัญ ๆ ได้แก่ เป็นผู้สร้างกรุงลงกาให้แก่ทศกัณฐ์ในเรื่องมหากาพย์รามายณะ สร้างกรุงทวารกาให้แก่พระกฤษณะ (ซึ่งเป็นอวตารปางหนึ่งของพระนารายณ์) ในเรื่องมหากาพย์มหาภารตะ สร้างวิมานให้แก่พระวรุณ(เทพแห่งน้ำ)และพระยม(เทพแห่งความตาย) สร้างราชรถบุษบกเป็นพาหนะให้แก่ท้าวกุเวร[๔] เป็นผู้ปั้นนางติโลตตมา นางฟ้าที่สวยที่สุดนางหนึ่งบนสวรรค์[๕] (สวยจนทำให้พระอินทร์ผู้ปรารถนาเห็นนางติโลตตมาอย่างจุใจ กลายเป็น "ท้าวสหัสนัยน์" มีดวงตา ๑,๐๐๐ ดวง และทำให้พระพรหมผู้ปรารถนาเห็นนางติโลตตมาจากทุกด้าน กลายเป็น "ท้าวจตุรพักตร์" มี ๔ หน้า) ฯลฯ
ผลงานเด่นอันสุดท้ายที่ใคร่อยากนำเสนอในที่นี้ ก็คือ "กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร ฯ มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์" หมายถึง กรุงเทพมหานคร เมืองแห่งเทวดานั้น พระวิษณุกรรมเป็นผู้สร้าง ตามพระบัญชาของพระอินทร์
จากผลงานสรรค์สร้างที่ปรากฏมากมายนี้เอง เทพองค์นี้จึงได้ชื่อว่า "วิศวกรรมา" ซึ่งมีความหมายตามรูปศัพท์ว่า "ผู้ทำทุกสิ่งทุกอย่าง" (the "Universal Doer") คือเป็น "นายช่างแห่งจักรวาล" นั่นเอง
ตำนานฮินดูกล่าวว่า พระวิศวกรรมา มีพระเนตร ๓ ดวง มีกายสีขาว ทรงอาภรณ์สีเขียว โพกผ้า มือถือคทา แต่ไทยนิยมวาดหรือปั้นรูปพระวิศวกรรมา ทรงชฎา มือถือจอบหรือผึ่ง (เครื่องมือสําหรับถากไม้ชนิดหนึ่ง รูปร่างคล้ายจอบ แต่มีด้ามสั้นกว่า) และลูกดิ่ง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ทางช่างอย่างชัดเจน
พวกช่างชาวฮินดูจะประกอบพิธีบูชาบวงสรวงพระวิศวกรรมา เพื่อขอพรให้ตนเองประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานกัน ในวันที่พระอาทิตย์ย้ายเข้าสู่ฤกษ์ภัทรบท ในวันนี้พวกช่างจะงดใช้อุปกรณ์และเครื่องมือทางช่างทุกชนิด พวกเขามีความเชื่อว่าพระวิศวกรรมาจะเข้ามาสถิตในใจ และดลบันดาลให้พวกตนมีความคิดความอ่านที่จะสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ที่ดี มีคุณภาพอยู่เสมอ
ชาวไทยได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรม และการสืบทอดประเพณีบางอย่างมาจากอินเดีย ซึ่งนับถือว่าพระวิศวกรรมาเป็นเทพแห่งช่าง เป็นผู้สรรค์สร้าง หรือเป็นผู้ดลบันดาลให้เกิดการสรรค์สร้างประดิษฐกรรมต่าง ๆ ในโลก เราจึงบัญญัติศัพท์ภาษาต่างประเทศ "ENGINEERING" ซึ่งเป็นศาสตร์แห่งช่าง ใช้ในภาษาไทยว่า "วิศวกรรมศาสตร์" หมายถึง "ศาสตร์ที่มีพระวิศวกรรมา (เทวดาแห่งช่าง ) เป็นครู"
ตำนานเกี่ยวกับกำเนิดของพระวิษณุกรรมนั้นไม่ชัดเจนและแตกต่างกันออกไปตามความเชื่อ ตามคัมภีร์ฤคเวทซึ่งเป็นคัมภีร์โบราณของอินเดียเป็นเอกสารที่จารึกเรื่องราวของพระวิษณุกรรมไว้ เป็นลายลักษณ์อักษรมากกว่าตำนานต่าง ๆ ได้กล่าวไว้ว่าพระวิศวกรรมเป็นโอรสของพระประภาสและพระนางโยกสิฎฐา ทั้งบิดาและมารดาของพระวิษณุกรรมนั้นเป็นผู้ที่ใหญ่ที่มีอิทธิพลมาก เพราะว่าพระประภาสเองก็เป็นถึงหนึ่งในวสุเทพบริวารของพระอินทร์ วสุเทพนี้ มีด้วยกัน ๘ องค์ คือ ๑) ธรณี (ดิน)๒) อาป(น้ำ) ๓) อนิล(ลม) ๔)อนล(ไฟ) ๕)องค์โสม(จันทร) ๖) ธรุระ(ดาว) ๗)ประรัตยูร(รุ่ง) และ ๘ ประภาส(แสง)ส่วนพระนางโยกสิฏฐานั้นก็เป็นน้องสาวของพระพฤหัสบดี เป็นมหาคุรุเทพผู้เป็นครูของเทวดาทั้งหลายในกลุ่มของเทวดานพเคราะห์ทั้งหมด
ในทางพระพุทธศาสนามีความเชื่อว่าพระวิษณุกรรมคือเพื่อนของพระมาฆมานพ ตามตำราบอกว่า พระมาฆมานพนั้นอยู่ที่ตำบลจุลคาม แคว้นมคธ เมื่อครั้นยังมีชีวิตอยู่ได้ร่วมมือกันทำสาธารณประโยชน์ไว้มากมาย เช่น ได้ทำการแผ้วถางทางเพื่อสร้างทางเดิน ให้ผู้คนในหมู่บ้าน ในขณะที่สร้างก็มีคนมาถามไถ่ว่าจะสร้างทางไปไหนหรือท่าน ? มาฆมานพก็ตอบไปแบบใสใสว่ากำลังว่าสร้างทางไปสวรรค์อยู่ บรรดาพวกที่ถามก็เลยเกิดอาการถูกชะตา ดวงตาเห็นธรรมขึ้นมาทันที รีบไปรวบรวมผู้คนที่มีอุดมการณ์เดียวกันจนได้กำลังคนมา ๓๓ คน ซึ่งต่อมาทั้ง ๓๓ คนนั้นก็เลยมาร่วมด้วยช่วยกันสร้างศาลาเพื่อเป็นทางไว้ไปสวรรค์ โดยที่การสร้างศาลานั้น มาฆมานพได้ไปเชิญช่างไม้ที่มีความสามารถผู้หนึ่งมาเป็นนายงาน นายช่างไม้ผู้นี้ก็ได้แสดงวิทยายุทธจนเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของคนในหมู่บ้าน ในที่สุดศาลาหลังนั้นก็สำเร็จงดงามเป็นประโยชน์แก่ผู้สัญจรไปมาด้วยการกระทำของมาฆมานพซึ่งรับบทเป็นผู้กำกับและนายช่างไม้ที่รับบทเป็นช่างก่อสร้างรวมทั้งบรรดาคนงานที่มาช่วยอีก ๓๓ คน เลยทำให้อานิสงส์ของกุศลดังกล่าวส่งให้เหล่าคนงานที่มาร่วมด้วยช่วยกันนั้นกลายเป็นเทพยดาในสรวงสวรรค์ เมื่อถึงแก่กรรม ส่วนมาฆมานพก็กลายเป็นพระอินทร์ และนายช่างก็ได้ไปเกิดเป็นเทพแห่งการช่างของสรวงสวรรค์ ชื่อพระวิษณุกรรม หรือ พระวิศวกรรม
ในพระพุทธศาสนานั้นเชื่อว่าพระวิษณุกรรมมีหน้าที่คอยรับใช้พระอินทร์เสมอ เมื่อพระอินทร์ใคร่จะสร้างเทวาลัยสถานที่ หรือสิ่งหนึ่งสิ่งใด พระวิษณุกรรมก็มีหน้าที่รับภาระสนองจัดสร้างให้ตามที่พระอินทร์ต้องการ ดังปรากฏเรื่องราวของพระวิษณุกรรมในวรรณคดีหลายเรื่อง เช่น เรื่องพระเวสสันดรชาดก เมื่อพระเวสสันดรเสด็จไปอยู่เขาวงกตไม่มีศาลาที่อาศัย องค์พระวิษณุกรรมก็ลงมาเนรมิตอาศรมให้
ส่วนการกำเนิดของพระวิศวกรรมที่ปรากฏในพงศาวดารเขมร กลับไม่ซ้ำกับทั้งทางความเชื่อของพุทธ พราหมณ์ หรือ ฮินดูเลย เขมรเชื่อว่าพระวิษณุกรรมนั้นเป็นบุตรของชาวจีนจากเซียงไฮ้ที่ยากจนคนหนึ่งชื่อหลิมเสงกับนางทิพยสุดาจันทร์ผู้เป็นนางฟ้าที่พระอินทร์ สาปให้มาเป็นภรรยาของนายหลิมเสง ต่อมานางทิพสุดาจันทร์ได้เหาะกลับสวรรค์และนำพระวิสสุกรรมกลับขึ้นไปเข้าเฝ้าพระอินทร์ด้วย เมื่อรู้จักกันแล้วพระอินทร์เห็นว่า วิสสุกรรม หรือ โปปูสโนการ ชอบงานทางช่างจึงโปรดให้เทพบุตรสอนงานช่างให้ พร้อมทั้งอนุญาตให้นำความรู้ไปเผยแพร่สั่งสอนมนุษย์ที่นับถือศาสนาพุทธ จะเห็นว่ารูปปั้น เก่า ๆ ขององค์พระวิษณุกรรมมักขุดพบในประเทศเขมร
พระวิษณุกรรม ขนาดครอบ ใส่ตาแก้ว
งานกระดาษ ทองเค ประดับเพชร พร้อมฐานไม้สีแดงฟรี


ราคาสินค้า 2,800.-  ค่าส่ง Kerry ทั่วไทย 300.-

ยอดโอนรวมค่าส่ง 3,100.-

ลูกค้าชำระเงินแล้วแจ้งกลับทางร้าน
Tel.0873399141  Line ID : nat2922

วิธีการชำระเงิน

บมจ. ธนาคารกสิกรไทย สาขาบางขุนนนท์ ออมทรัพย์

นโยบายการเปลี่ยนหรือคืนสินค้า

* สินค้าที่ซื้อแล้ว ไม่สามารถรับคืนได้ ทุกกรณี
* หากสินค้าเกิดการชำรุดจากการขนส่ง ทางร้านยินดีให้เปลี่ยนสินค้าคืน ภายใน 7 วัน นับจากวันรับสินค้า โดยที่ลูกค้าต้องมีหลักฐานการถ่ายคลิปวีดีโอ ตั้งแต่เปิดกล่องโดยไม่ตัดต่อ หากไม่มีหลักฐานการอัดวีดีโอ ทางร้านขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนสินค้าทุกกรณี

CATEGORY

MEMBER

STATISTICS

หน้าที่เข้าชม386,673 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด198,844 ครั้ง
เปิดร้าน5 ก.ค. 2558
ร้านค้าอัพเดท5 ก.ย. 2568

ติดตามสินค้า

พูดคุย-สอบถาม